ผลข้างเคียงของยาลดระดับน้ำตาลที่พบบ่อย
ผศ. นพ.ปฏิณัฐ บูรณะทรัพย์ขจร
ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลั
ปัจจุบันยาเบาหวานชนิดรับประทานมีทั้งหมด 8 กลุ่ม คือ
ยา metformin หรือที่ผู้ป่วยเรียกกันว่ายาเบาหวานเม็ดใหญ่ หรือยาเบื่อข้าว ซึ่งชื่อทางการค้าของยาต้นแบบคือ Glucophage® เมื่อรับประทานจะทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ถ่ายเหลว โดยผลข้างเคียงนี้จะเพิ่มขึ้นตามขนาดยาที่รับประทาน ยานี้จำเป็นต้องปรับลดขนาดเมื่อการทำงานของไตแย่ลง นอกจากนี้ยังลดการดูดซึมวิตามินบี 12 อาจทำให้มีอาการชา เหน็บชาและโลหิตจางได้
ยา glipizide, gliclazide และ glimepiride ซึ่งชื่อทางการค้าของยาต้นแบบคือ Minidiab®, Diamicron® และ Amaryl® เป็นยาที่รับประทานก่อนอาหาร มีผลข้างเคียงหลักคือทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น อาการเหงื่อแตก ใจสั่น มือสั่น หน้ามืด เป็นลม หิวข้าว และหมดสติได้ โดยเฉพาะเมื่อรับประทานแป้งน้อยหรือรับประทานข้าวไม่ตรงเวลา
ยา repaglinide ซึ่งชื่อทางการค้าของยาต้นแบบคือ Novonorm® เป็นยาที่รับประทานก่อนอาหารทุกมื้อ มีผลข้างเคียงเช่นเดียวกับยาชนิดรับประทานกลุ่มที่สอง
ยา pioglitazone ซึ่งชื่อทางการค้าของยาต้นแบบคือ Actos® เป็นยาที่รับประทานวันละครั้ง มีผลข้างเคียงทำให้ขาบวมจากไตดูดซึมเกลือกลับเข้าสู่กระแสเลือดเพิ่มขึ้น อาจรุนแรงถึงขั้นน้ำท่วมปอด หรือที่แพทย์เรียกว่าหัวใจวายในผู้ที่มีโรคหัวใจอยู่เดิม และยังทำให้น้ำหนักเพิ่มจากปริมาณไขมันใต้ผิวหนังเพิ่มขึ้น เมื่อรับประทานเป็นเวลานานจะเสี่ยงต่อโรคกระดูกบางและมีรายงานการเกิดมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะเพิ่มขึ้นได้
ยา acarbose และ voglibose ซึ่งชื่อทางการค้าของยาต้นแบบคือ Glucobay® และ Basen® เป็นยารับประทานพร้อมอาหารคำแรก 2-3 ครั้งต่อวัน สามารถทำให้เกิดท้องอืด ผายลมบ่อย และถ่ายเหลว โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ทานแป้งปริมาณมาก หากมีอาการข้างเคียงควรลดปริมาณแป้งลง
ยา sitagliptin, vildagliptin, linagliptin, saxagliptin และ alogliptin หรือชื่อทางการค้าของยาต้นแบบคือ Januvia®, Galvus®, Tragenta®, Onglyza® และ Nesina® เป็นยาที่พบอาการข้างเคียงได้น้อย เช่น ผื่นขึ้น
ยา empagliflozin, dapagliflozin และ canagliflozin หรือที่ผู้ป่วยเรียกกันว่ายาฉี่หวาน เนื่องจากเป็นยาที่ขับน้ำตาลออกทางปัสสาวะ ชื่อทางการค้าของยาต้นแบบคือ Jardiance®, Forxiga® และ Invokana® มีผลข้างเคียงทำให้เกิดการติดเชื้อราที่อวัยวะเพศและติดเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะแสบขัดขุ่น หรือไข้หนาวสั่น คลื่นไส้อาเจียน ดังนั้นควรดื่มน้ำให้เพียงพอ ไม่กลั้นปัสสาวะ และล้างทำความสะอาดหลังปัสสาวะทุกครั้ง และมีรายงานการเกิดอาการหายใจหอบเหนื่อยจากภาวะเลือดเป็นกรด จึงควรหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ และหยุดยาเมื่อเจ็บป่วยหรือหยุดยา 3 วันก่อนการผ่าตัดใหญ่
ยา semaglutide ชนิดรับประทาน หรือชื่อทางการค้าของยาต้นแบบคือ Rybelsus® มีผลข้างเคียงเหมือนยาฉีดกลุ่มที่สอง เพราะเป็นยาชนิดเดียวกัน
ส่วนยาเบาหวานชนิดฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนัง แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
ยาอินซูลิน ซึ่งมีหลายชนิดทั้งออกฤทธิ์สั้นและออกฤทธิ์ยาว อาจฉีดก่อนอาหารวันละ 1-3 ครั้ง หรือฉีดวันละครั้งเวลาใดก็ได้ แต่มีผลข้างเคียงเดียวกันคือ ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
ยา liraglutide, dulaglutide และ semaglutide ซึ่งชื่อทางการค้าของยาต้นแบบคือ Victoza®, Trulicity® และ Ozempic® ซึ่งยาชนิดแรกเป็นยาฉีดวันละครั้ง แต่ยาสองชนิดหลังเป็นยาฉีดสัปดาห์ละครั้ง มักทำให้เกิดอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว ซึ่งการลดปริมาณอาหารและงดอาหารมันจะช่วยลดอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ และมีรายงานการเกิดภาวะตับอ่อนอักเสบ คือปวดท้องรุนแรง ทะลุไปข้างหลัง จึงควรหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์
ดังนั้นเมื่อสงสัยว่าท่านจะเกิดผลข้างเคียงดังกล่าว ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรที่จ่ายยาให้ท่าน เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมหรือปรับเปลี่ยนยาที่เหมาะสมกับตัวท่านต่อไป